หลังเพียเจต์นำเสนอบทแรกของผลงานไฮจิวเวลรี่คอลเลกชั่น Solstice by Piaget อย่าง When dusk sets ที่จำลองความงดงามมาจากลุคอันตราตรึงของเสื้อผ้าโอตกูตูร์ที่บรรดาเพียเจต์ โซไซตี้หยิบมาสะท้อนตัวตน ล่าสุดกับ Give us the Night เรื่องราวภาคต่อที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่สนุกสนานในบรรยากาศปาร์ตี้ใต้แสงจันทร์
ย้อนกลับไปปี 1920 ซึ่งเป็นยุคการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของอเมริกา หนึ่งในเทรนด์ที่หญิงสาวหัวสมัยใหม่ยุคนั้นขาดไม่ได้ คือการสวมแหวนวงใหญ่ หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ “แหวนค็อกเทล“ – ปี 2009 ด้วยความที่ยึดมั่นในตัวตนที่สนุกสนาน ทั้งยังหลงใหลในความท้าทายทางเทคนิค เมซงจึงตัดสินใจนำแนวคิดนี้ไปสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานจริง โดยหยิบยืมแรงบันดาลมาจากศาสตร์และศิลป์อันงดงามในโลกของ Mixology ผลงานที่ได้จึงคละคลุ้งไปด้วยสีสัน ความสนุก ไอเดียที่แปลกใหม่ ชวนให้นึกถึงค็อกเทลแก้วโปรดได้ไม่ยาก
มาปีนี้แหวนค็อกเทลถูกหยิบมารังสรรค์อีกครั้ง โดยช่างฝีมือใช้เวลาหลายเดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการทั้งในแง่ขนาด สี ไปจนถึงเท็กซ์เจอร์ของวัสดุที่นำมาเป็นองค์ประกอบของส่วนผสมค็อกเทล ขณะเดียวกันนักอัญมณีศาสตร์ก็ต้องเสาะหาอัญมณีเพื่อนำมาเป็นตัวแทนของส่วนผสมต่างๆ อาทิ เม็ดทับทิม (แซฟไฟร์สีชมพู), ใบมิ้นท์ (มรกต), น้ำตาลสำหรับตกแต่ง (เพชรที่ฝังแบบเต็มพื้นที่บนตัวเรือน), ก้อนน้ำแข็ง (เพชรหยาบ), ไลม์หั่นแว่น (เพอริดอตแกะสลัก)
เพื่อประกอบจิวเวลรี่แต่ละเม็ดเข้าด้วยกัน ทักษะฝีมือชั้นสูงจึงถูกนำมาใช้หลากหลายเทคนิค อาทิ แผ่นผลไม้ที่สไลด์เป็นแว่น ใช้ปรมาจารย์ทางด้าน glyptic ที่บรรจงแกะสลักหินสีด้วยมือ ก่อนประดับบนตัวเรือนตามตำแหน่งที่ดีไซน์ไว้ ซึ่งต้องอาศัยความแม่นยำและประณีตขั้นสูง เพื่อให้ทุกองค์ประกอบสามารถสวมเข้ากันได้อย่างพอดี ขณะที่ตัวเรือนหลักที่ประดับอัญมณีขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง สามารถหยิบมาสวมใส่แบบเดี่ยวก็เรียบเก๋ไม่แพ้กัน นับเป็นอีกครั้งที่เมซงสะท้อนค่านิยมด้านความคิดสร้างสรรค์และไอเดียการปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างไร้ที่ติ
ต่อกันที่สร้อยคอที่หลอมรวมลูกเล่นสนุกๆ และสไตล์เรียบหรูของเครื่องดื่มไอคอนนิคไว้ด้วยกัน โดยสีได้แรงบันดาลใจจากโทนอันอบอุ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีน้ำตาลเข้ม ขณะที่กรอบทองทรงสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบเพชรเอาไว้ เปรียบดั่งก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในเครื่องดื่มสไตล์ On The Rock ที่เหล่าเพียเจต์ โซไซตี้ชื่นชอบนั่นเอง
นาฬิกา Joyful Sharing โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่วิจิตรบรรจง ชวนให้นึกถึงสูตรค็อกเทลที่เสิร์ฟในแก้วใบหรู เพื่อครีเอทผลงานอันน่าทึ่งทั้งยังแสดงให้เห็นถึงระดับความเชี่ยวชาญของเมซง แบรนด์ได้คอลลาบอเรชั่นกับศิลปินชั้นครู อย่าง Anita Porchet และ Dick Steenman
เริ่มต้นชิ้นงานด้วยฝีมือแกะสลักของ Dick Steenman ที่เนรมิตส่วนผสมหลักของค็อกเทล อย่าง ไลม์หั่นแว่น และ ใบมิ้นท์ได้อย่างมีมิติ ก่อนส่งต่อให้ Anita Porchet แต่งแต้มสีสันด้วยการเคลือบสีลงยาแบบโปร่งแสง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของก้อนน้ำแข็ง และ ใบมิ้นท์ ที่สมจริงยิ่งขึ้น ในแง่ข้อจำกัดเรื่องความหนาของหน้าปัด ช่างฝีมือจำเป็นต้องอาศัยทักษะความชำนาญขั้นสูงในการปรับแต่งแต่ละชิ้นส่วน เพื่อรักษาสมดุลของหน้าปัดให้เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อความแม่นยำของเรือนเวลา
เสน่ห์งานฝีมืออันน่าเหลือเชื่อของ Anita Porchet ยังปรากฏบนเรือนเวลาชิ้นอื่นอีกด้วย อย่างดีเทลโมทีฟมะนาวสไลด์บนพื้นหน้าปัดนาฬิกา Festive Sharing ที่ถ่ายทอดผลงานผ่านหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น champlevé, paillonné เพื่อแต่งแต้มจินตนาการให้มีมิติมากที่สุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ Anita ชื่นชอบ และร่วมงานกับเพียเจต์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2006
เพราะความคิดสร้างสรรค์ นั้นไร้ขีดจำกัด และการได้คอลลาบอเรชั่นกับเหล่าศิลปิน คือความน่าหลงใหล… นาฬิกา Gleaming Savor จึงเป็นหนึ่งในเรือนเวลาไม่ธรรมดาที่รังสรรค์โดย Rose Saneuil ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่เชี่ยวชาญในการนำเสนอชิ้นงานผ่านเทคนิคมาร์เก็ตทรี ในแต่ละครั้งศิลปินจะเลือกใช้วัสดุที่น่าเหลือเชื่อมารังสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น ฟางข้าว, ไม้ซิคามอร์, ปีกแข็งของแมลง เพื่อให้ได้เรือนเวลาเพียงหนึ่งเดียวในโลก และถึงแม้หน้าปัดจะเรียบเป็นระนาบเดียวกัน แต่ด้วยฝีมือของ Saneuil จึงส่งให้วัสดุแต่ละชิ้นร้อยเรียงได้อย่างมีมิติและเปล่งประกายอย่างงดงามยามต้องแสง ผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นนี้ใช้วัสดุสำหรับงานมาร์เก็ตทรี 177 ชิ้น โดยองค์ประกอบที่น่าสนใจอีกอย่าง คือการหยิบเอาเพชรทรงบาแก็ตต์มาประดับแบบกลับด้านลงบนขอบตัวเรือน ทำให้ดูแปลกตากว่าที่เคยและเป็นอีกผลงานศิลป์ที่น่าจดจำ